Clearing the neighbourhood

"Clearing the neighbourhood around its orbit" เป็นหนึ่งในสามเกณฑ์จำเป็นสำหรับวัตถุท้องฟ้าที่จะพิจารณาให้เป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะตามนิยามปี พ.ศ. 2549 ที่นำมาใช้โดยสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล (ไอเอยู)[1] ภายหลังในปี พ.ศ. 2558 มีการเสนอให้ขยายนิยามนี้ไปใช้กับดาวเคราะห์นอกระบบด้วย[2]ในระยะสุดท้ายของการก่อตัวของดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์ (ตามนิยาม) จะต้อง "Clearing the neighbourhood" ในบริเวณวงโคจรของตัวเอง นั่นหมายความว่าดาวเคราะห์ดวงนั้นจะต้องมีความโน้มถ่วงที่เด่น และไม่มีวัตถุขนาดใกล้เคียงอื่นนอกจากดาวบริวารของตัวมันเองหรือวัตถุอื่นใดที่อยู่ภายใต้อิทธิพลความโน้มถ่วงของดาวเคราะห์ดวงนั้น วัตถุขนาดใหญ่ที่ตรงกับนิยามข้ออื่นยกเว้นข้อนี้จะจัดประเภทให้เป็นดาวเคราะห์แคระ รวมถึงดาวพลูโตที่ถูกจำกัดในวงโคจรด้วยความโน้มถ่วงจากดาวเนปจูน และมีวัตถุแถบไคเปอร์อื่นร่วมในวงโคจรด้วย นิยามของไอเอยูข้อนี้ไม่ผูกมัดกับตัวเลขหรือสมการเฉพาะ ใด แต่ทุกดาวเคราะห์ที่ไอเอยูรับรองจะต้องกวาดวัตถุอื่นในละแวกเดียวกันออกไปให้ได้มากกว่าดาวเคราะห์แคระดวงอื่น หรือวัตถุอื่นที่อาจเป็นดาวเคราะห์แคระวลีนี้เกิดขึ้นจากรายงานที่เสนอให้กับการประชุมสามัญของไอเอยูปี พ.ศ. 2543 โดยแอลัน สเทิร์นและแฮโรลด์ เอฟ. เลวิสัน นักวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ ผู้จัดทำรายงานนี้ใช้วลีหลายวลีที่คล้ายคลึงกันขณะที่กำลังพัฒนาหลักการพื้นฐานตามทฤษฎีสำหรับชี้ว่าวัตถุหนึ่งที่โคจรรอบดาวฤกษ์นั้นจะมีละแวกเดียวกันที่ปลอดโล่งจากเศษดาวเคราะห์ บนพื้นฐานของมวลและคาบดาราคติของวัตถุนั้น[3] สตีเวน โซเทอร์เลือกที่จะใช้คำว่า "ความเด่นทางกลศาสตร์" (dynamical dominance) แทน[4] และฌ็อง-ลุก มาร์โกระบุว่าภาษาเช่นนั้น "ดูยากต่อการตีความผิด"[2]ก่อนถึงปี พ.ศ. 2549 ไอเอยูไม่มีกฏเฉพาะในการตั้งชื่อดาวเคราะห์ เนื่องด้วยไม่มีการค้นพบดาวเคราะห์ดวงใหม่มานานนับทศวรรษแล้ว ขณะที่ไอเอยูมีกฏที่แน่นอนสำหรับการตั้งชื่อวัตถุขนาดเล็กอื่นที่ค้นพบใหม่ เช่น ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง กระบวนการตั้งชื่อแก่ดาวเอริสนั้นหยุดชะงักลงไปหลังการค้นพบในปี พ.ศ. 2548 ด้วยเหตุที่ขนาดของเอริสนั้นใกล้เคียงกับขนาดของดาวพลูโต ดังนั้นไอเอยูจึงสรรหาวิธีแก้ปัญหาการตั้งชื่อดาวเอริสด้วยการหานิยามที่เป็นระบบเพื่อจำแนกดาวเคราะห์ออกจากดาวเคราะห์น้อย